ดราม่าท้ายเกม!กาเซมีโร่กดชัยน.89ราชันหืดบุกดับลาสปัลมาส2-1
“ราชันชุดขาว” รีล มาดริด หืดจับบุกไปเฉือนชนะ ลาส ปัลมาส ไปแบบหวุดหวิด 2-1 เก็บ 3 คะแนนเต็ม ตามหลังจ่าฝูง 12 แต้ม ในศึกฟุตบอลลา ลีกา สเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา
ศึกฟุตบอลลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2015/2016
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559
ลาส ปัลมาส 1-2 รีล มาดริด
สนาม : เอสตาดิโอ เด แกรน กานาเรีย
ผู้ตัดสิน : ดาบิด เฟร์นานเดซ บอร์บาลาน
เวลาเตะ : 02:30 น.
ถ่ายทอดสด : beIN Sports
ผู้ทำประตู : [0-1] เซร์คิโอ รามอส น. 24, [1-1] วิลเลี่ยน โชเซ่ น. 87, [1-2] คาร์ลอส กาเซมีโร่ น. 89
เปิดฉากครึ่งแรกมา นาที 23 รีล มาดริด มาได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช แทงทะลุช่องให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้หลุดเข้าไปซัดติดเซฟบอลออกหลัง
จากลูกเตะจังหวะต่อมา รีล มาดริด มาได้ประตูขึ้น 1-0 อิสโก้ เปิดลูกเตะมุมฝั่งซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส ได้สะบัดโขกเสาแรกตุงตาข่าย หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลังนาที 87 ลาส พัลมาส มาตีเสมอเป็น 1-1 สำเร็จจนได้ ในช่วงท้ายเกม จากจังหวะที่ มาเตโอ โควาซิช เปิดบอลพลาดโดน เคโรนีโม่ ฟีเกรัว ฉกบอลไปได้ก่อนกระชากไปจ่ายเข้าเขตโทษให้ วิลเลี่ยน โชเซ่ ได้ยิงด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือ
แต่อีกแค่ 2 นาทีต่อมา “ราชันชุดขาว” กลับมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ได้แบบทันควันจากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ เฆเซ โรดริเกวซ วางบอลยาวไปทางเสาสองให้ คาร์ลอส กาเซมีโร่ โหม่งกดลงพื้นตุงต่าขาย
เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ“ราชันชุดขาว” ต้องเหลือ 10 คนเมื่อ รามอส โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากนั้น ไม่มีปะตูเกิดขึ้นเพิ่ม ทำให้สุดท้ายจบเกม รีล มาดริด บุกมาเฉือนชนะ ลาส พัลมาส ไปหวุดหวิด 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 63 แต้ม ยังรั้งที่ 3 มีแต้มตามหลังจ่าฝูง 12 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
ลาส ปัลมาส: ระบบ (4-3-3)
ผู้รักษาประตู : ฆาบี บาราส
กองหลัง : ดาบิด การ์เซีย, เมาริซิโอ เลมอส, เปโดร บีกาส, ฆาเบียร์ การ์รีโด้
กองกลาง : เคโรนีโม่ ฟีเกรัว , อังเคล มอนโตโร่, โรเก้ เมซ่า
กองหน้า : ฟรานซิสโก้ นิลี่, วิลเลี่ยน โชเซ่, โฆนาธาน บีเอร่า รามอส
รีล มาดริด: ระบบ (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู : เคย์ลอร์ นาวาส
กองหลัง : ดาเนียล การ์บาฆาล, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส , อัลบาโร่ อาร์เบลัว
กองกลาง : ลูก้า โมดริช, คาร์ลอส กาเซมีโร่, อีสโก้
กองหน้า : ลูกัส บาซเกซ, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก 
