มาห์เรซฟาวล์จุดโทษ!เรือหวิดเจ๊าเฉือนจิ้งจอก 2-1 แซงหงส์ขึ้นที่ 3

 

ริยาด มาห์เรซ ถูกจับฟาวล์ยิงจุดโทษสองจังหวะ อดพาทีมไล่ตีเสมอ ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
 
 
 
 
 
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
 
วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
 
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เลสเตอร์ ซิตี้
 
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต แมดลี่ย์
เวลาเตะ : 18.30 น.
ถ่ายทอดสด : beIN Sport 1(676)
ผู้ทำประตู : [1-0] ดาบิด ซิลบา น. 29,[2-0] กาเบรียล เฮซุส (จุดโทษ)น.36, [2-1] ชินจิ โอกาซากิ น.42
 
เปิดฉากครึ่งแรกมานาที 29 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ลิรอยด์ ซาเนพาบอลกระชากเข้าเขตโทษทางซ้ายก่อนจ่ายเข้ากลางมาให้ ดาบิด ซิลบา ได้สอดเข้ามาซัดด้วยซ้ายตุงตาข่าย
 
นาที 36 แมนฯซิตี้ หนีไปเป็น 2-0 จากลูกจุดโทษใน จากจังหวะที่ ลิรอยด์ ซาเน โดน โยฮัน เบอนาลูยาน เสียบในกรอบเขตโทษ และเป็น กาเบรียล เฆซุส รับหน้าที่สังหารยิงเข้าไปไม่พลาด
 
ก่อนหมดเวลา 3 นาที เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ มาร์ค อัลไบรจ์ตัน เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้ามาให้ ชินจิ โอคากาซิ วอลเลย์ด้วยซ้ายแบบไม่จับบอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าประตูไป จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
 
ลงมาต่อครึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้โอกาสทองจากลูกจุดโทษในนาที 75 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ โดน กาแอล กลิชี เสียบล้มลงในกรอบเขต และเป็น เจ้าตัว ลุกขึ้นมาสังหารเอง แต่โดนผู้ตัดสินเป่าฟาวล์เพราะว่าเป็นการเล่นบอลสองจังหวะ
 
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1 เก็บ 3 คะแนนสำคัญ เพิ่มเป็น 72 คะแนน แซง ลิเวอร์พูล กลับมาอยู่ที่ 3 ได้สำเร็จ
 
 
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม 
 
แมนฯ ซิตี้: ระบบ (4-2-3-1) 
ผู้รักษาประตู : วิลลี่ กาบาเยโร่
กองหลัง : แฟร์นันดินโญ่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, กาแอล กลิชี่
กองกลาง : ยาย่า ตูเร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, ลีรอย ซาเน่
กองหน้า : กาเบรียล เชซุส
 
 
เลสเตอร์ ซิตี้: ระบบ (4-4-2) 
ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
กองหลัง : แดนนี่ ซิมพ์สัน, โยอัน เบอนาลูยาน, คริสเตียน ฟุคส์, เบน ชิลเวลล์
กองกลาง : มาร์ค อัลไบรท์ตัน, แอนดี้ คิง, วิลเฟรด เอ็นดิดี้, ริยาด มาห์เรซ
กองหน้า : เจมี่ วาร์ดี้, ชินจิ โอกาซากิ

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก